หลากหลายบทความดีๆ และอัดแน่นด้วยความรู้พร้อมประโยชน์ที่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน
สำหรับคนที่อยากเก่งภาษาอังกฤษ
ด้วยเทคนิคพิเศษมากมาย พบกับผม (ครูเฟียต) ได้ที่นี่ และhttps://www.f...
บทความ Self-Improvement
♦ บทความ Self-Improvement
The Miracle Morning (แปลไทย โดย ครูเฟียต)
คือนานๆ ผมจะแปลภาษาอังกฤษให้อ่านกันทีนึง
เพราะโดยส่วนตัวไม่ค่อยชอบการแปลเท่าไหร่
แต่งานนี้เพื่อแฟนๆ โดยเฉพาะครับ
อยากให้คุณได้รับข้อมูลดีๆ จากหนังสือฝรั่งดีๆ
ผมขอสรุปเนื้อหาสำคัญจากหนังสือ The Miracle Morning เขียนโดย Hal Elrod (ได้ 4.5 จาก 5 ดาว)
ที่รับประกันว่าชีวิตคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป (ก่อน 8 โมงเช้า) เป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้
- คนส่วนใหญ่มีอาการกระจกมองหลัง “Rearview Mirror Syndrome” (RMS)
คือ คุณเชื่อว่าตัวคุณในตอนนี้เหมือนกับตัวคุณในอดีต ดังนั้นเวลาคุณตัดสินใจเลือกอะไร
คุณจะใช้ประสบการณ์ในอดีตมาเป็นข้อจำกัดของคุณเอง พอมีโอกาสใหม่ๆ เข้ามา
คุณก็จะไม่ฉวยมันไว้เพราะไม่เคยทำมาก่อน เช่น คนที่ไม่กล้ามีความรักครั้งใหม่เพราะในอดีต
เค้าเคยมีประสบการณ์อันเลวร้ายเรื่องคู่ครองมาก่อน - คนส่วนใหญ่ชอบคิดแบบแยกเหตุการณ์ (isolating incidents)
คือคิดว่าแต่ละเหตุการณ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันแต่จริงๆ แล้วมันเกี่ยวนะ
เช่น วันนี้กะว่าจะไปออกกำลังกายสักหน่อย แต่สุดท้ายก็เลื่อนมันไปพรุ่งนี้แทน
คุณอาจจะนึกว่าไม่เห็นเป็นไร ไม่มีผลกระทบในตอนนี้ แต่จริงๆ แล้ว
มันส่งผลด้วยว่าคุณเป็นคนยังไง เพราะหากคุณทำมันบ่อยๆ
สุดท้ายก็กลายเป็นนิสัยติดตัวคุณ และทำให้ประสบความสำเร็จได้ยาก
ดังที่ T. Harf Eker กูรูชื่อดังกล่าวไว้ว่า “How you do anything is how you do everything.”
คุณทำบางอย่างยังไง คุณก็มักทำทุกอย่างอย่างนั้นด้วยเหมือนกัน - เริ่มต้นวันใหม่ที่ดีด้วยการหยุดกดเลื่อนเวลาปลุกและคิดเกี่ยวกับการนอนของคุณซะใหม่
ทุกครั้งที่คุณกดเลื่อนเวลาบนนาฬิกาปลุก จิตใต้สำนึกคุณกำลังบอกคุณว่า
คุณไม่อยากตื่นขึ้นมาเจอชีวิตหรือสิ่งที่รอคุณอยู่ในวันใหม่ คุณกำลังลดโอกาสที่จะเจอวันดีๆ
เต็มไปด้วยพลัง แต่ถ้าคุณตื่นขึ้นมาอย่างมีจุดมุ่งหมาย คุณก็จะสร้างวันแห่งความสุขด้วยตัวคุณเอง - โอปรา วินฟรีย์, บิลล์ เกตส์, ไอน์สไตน์ และอริสโตเติ้ล ล้วนแต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือ ทุกคนล้วนตื่นเช้า
- ในเช้าวันเกิด วันแต่งงาน หรือวันคริสต์มาส ปกติเรามักจะตื่นขึ้นมาด้วยความแจ่มใส
มีพลัง แม้จะนอนน้อยก็ตาม นั่นเป็นเพราะความเชื่อที่มีผลอย่างมากต่อความรู้สึกยามตื่นของเรา - ผู้แต่งพบว่าความคิดตอนนอนสำคัญมาก
หากคุณคิดว่า คุณมีเวลานอนน้อย เดี๋ยวคอยดู พรุ่งนี้ฉันคงง่วงแน่นอน
ตื่นขึ้นมาคุณก็จะไม่มีแรง แต่หากคุณคิดก่อนนอนว่า คุณจะรู้สึกดีจัง
พอตื่นนอนมา คุณก็จะสดชื่นทั้งๆ ที่บางทีนอนน้อยเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น - แนะนำให้วางนาฬิกาปลุกให้ห่างจากเตียง คุณต้องลุกออกจากเตียงเพื่อไปปิดเสียงนาฬิกาปลุก
ไหนๆ ลุกแล้วก็เข้าห้องน้ำ แปรงฟันซะเลยนะ จะได้สดชื่น หลังจากนั้น ก็ให้ดื่มน้ำ 1 แก้ว
เพราะคุณเสียน้ำไปจากการหายใจช่วงการนอนหลับตลอดคืน การขาดน้ำจะทำให้คุณอ่อนเพลียได้ - หลังตื่นนอนตอนเช้าแนะนำให้ใช้ความเงียบอย่างมีจุดหมาย อย่างที่คนดังหลายๆ คนทำ
เช่น การนั่งสมาธิ หยุดความวิตกกังวลแล้วเพ่งสมาธิไปที่ลมหายใจจะทำให้คุณต่อสู้กับความเครียด - แนะนำให้พูดกับตัวเอง (positive affirmation) เพื่อให้จิตใต้สำนึกทำงาน วิธีการคือให้เขียนว่า
คุณต้องการให้ชีวิตคุณเป็นอย่างไรในทุกๆ มิติ เช่น ด้านการเงิน ด้านสุขภาพ ด้านความรัก ฯลฯ
ทำไมคุณถึงต้องการมัน? แล้วคุณต้องทำอะไรเพื่อให้ได้มันมา? เมื่อคุณเขียนแล้ว
คุณต้องอ่านมันดังๆ อย่างน้อยวันละครั้ง - เครื่องมืออีกชิ้นที่สำคัญคือการใช้จินตนาการมองเห็นภาพ (visualization)
ในสิ่งที่คุณอยากเป็น, ชีวิตในฝัน, ความฝันหรือเป้าหมายของคุณ
หรือการซ้อมทางจิต (mental rehearsal) ซึ่งการถามตัวเองว่า
ฉันต้องการอะไร?
ฉันต้องการมันทำไม?
ฉันต้องทำอะไรถึงได้มันมา? ช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนขึ้น - การออกกำลังกายยามเช้าจะทำให้คุณสำเร็จและสุขภาพดี คนส่วนใหญ่หาเวลาออกกำลังกายไม่ได้
ก็แนะนำให้ทำอย่างแรกในตอนเช้าซะเลย อย่าผัดไว้ทำทีหลังเพราะสุดท้ายคุณก็จะไม่ได้ทำมันในที่สุด
ผู้เขียนแนะนำให้ฝึกโยคะตาม DVD สัก 20 นาทีต่อวัน ช่วยทำให้เค้าตื่นและมีพลังไปตลอดวัน - การอ่านและการเขียนเป็น 2 สิ่งที่จะสะท้อนความสำเร็จและเขยิบเข้าใกล้เป้าหมายในชีวิตของคุณ
คุณอาจจะตั้งเป้าอ่านหนังสือ 10 หน้าต่อวันโดยใช้เวลา 10-20 นาที 1 ปีคุณจะอ่านได้ 3,650 หน้า
เท่ากับหนังสือ 18 เล่มต่อปีเลยนะ การเขียนสัก 5-10 นาทียามเช้าจะช่วยเร่งให้คุณพัฒนาไปไกล
เขียนความคิด ความรู้สึก สิ่งลึกๆ ในใจคุณออกมา ผู้เขียนจะแบ่งหน้ากระดาษเป็น 2 ฝั่ง
ฝั่งแรกเขียนบทเรียนที่ได้รับ (lessons learned)
และอีกฝั่งเขียนสิ่งที่สัญญาว่าจะทำ (new commitments)
การทำเช่นนี้ทำให้เราไม่ทำผิดซ้ำแถมเปลี่ยนชีวิตไปเลย - ลองจัดสรรเวลาของคุณทำสิ่งต่างๆ ที่แนะนำไป
บางคนอาจจะใช้ 60 นาทีทำทั้ง 6 อย่างหรือใช้ 30 นาทีในการออกกำลังกาย
และก็ทำอย่างอื่น อย่างละ 5 นาที หรืออย่างน้อยถ้าคุณมีแค่ 6 นาทีจะแนะนำให้คุณทำต่อไปนี้ (อย่างละ 1 นาที)
1) นั่งเงียบๆ ทำสมาธิ
2) พูดกับตัวเอง
3) มองเห็นภาพว่าวันนี้เป็นวันดีของคุณ
4) เขียนสิ่งที่คุณขอบคุณและสิ่งที่คุณจะทำให้สำเร็จในวันนี้
5) อ่านหนังสือ 2 หน้า
6) วิดพื้นหรือซิตอัพ - การจะทำตอนเช้าให้เปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล
คุณต้องทำสิ่งที่ผู้เขียนแนะนำ 30 วันจนติดเป็นนิสัยและแนะนำ
ให้หาเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกันมาทำด้วยกันจะสำเร็จได้ง่ายกว่าทำเพียงคนเดียว
โดยคุณจะเจอ 3 ช่วงคือ 10 วันแรก คุณจะพบว่ามันช่างยากเย็นซะเหลือเกิน
10 วันถัดมาจะง่ายขึ้นแต่ก็ยังรู้สึกแปลกๆ ไม่ค่อยชิน และ 10 วันสุดท้าย
มันจะกลายเป็นนิสัยใหม่ของคุณที่คุณเริ่มพอใจกับมัน
สรุป 6 ขั้นตอนที่ทำในตอนเช้าแล้วจะเปลี่ยนชีวิตคุณ
1. silence ทำสมาธิ
2. affirmations พูดกับตัวเอง
3. visualization ใช้จินตนาการเห็นภาพ
4. exercise ออกกำลังกาย
5. reading อ่านหนังสือ
6. writing เขียนหนังสือ
แปลและสรุปโดย...Kru Fiat
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments